วันจันทร์ที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2556

สุดยอด 10 อันดับ สถานที่ท่องเที่ยวแสนงดงาม


สุดยอด 10 อันดับ สถานที่ท่องเที่ยวแสนงดงาม

        สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวในต่างแดน เชื่อว่าคนส่วนใหญ่มักเลือกที่จะบินไปเที่ยวในยุโรปหรือสหรัฐอเมริกา เพื่อไปช้อปปิ้ง หาของกินอันเลื่องชื่อและถ่ายรูปกันตามสถานที่ชื่อดังที่คนนิยมไปกัน เช่น ลอนดอน ปารีส กรุงโรม นิวยอร์ก เป็นต้น
 แต่ คุณทราบหรือไม่ว่า ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความสวยงามซุกซ่อนอยู่บนโลกใบนี้ ซึ่งบางแห่งหลาย ๆ คน อาจไม่เคยได้ยินชื่อด้วยซ้ำไป วันนี้กระปุกดอทคอมจะมาแนะนำแหล่งท่องเที่ยวที่มีความสวยงามแบบสุด ๆ ชนิดที่ว่า ต้องไปเยือนสักครั้งในชีวิตมาเผยให้ทราบกัน


10 สถานที่ท่องเที่ยวแสนงดงามที่ต้องไปเยือนสักครั้ง
 
 
 
 
10 สถานที่ท่องเที่ยวแสนงดงามที่ต้องไปเยือนสักครั้ง

 1. อุโมงค์วิสเทอเรีย (Wisteria Tunnel)
          สำหรับผู้ที่ชื่นชอบดอกไม้นานาพันธุ์ จะต้องหลงรักอุโมงค์วิสเทอเรียอย่างแน่นอน โดยอุโมงค์ดอกไม้แห่งนี้ ตั้งอยู่ที่สวนคาวาชิ ฟูจิ ในเมืองคิตะกีวชู ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งภายในอุโมงค์จะมีดอกไม้สีสันสวยงามต่าง ๆ ห้อยอยู่ด้านบน เรียงกันเป็นแถว ๆ ยาวไปตามเส้นทาง ที่เมื่อเดินเข้าไปแล้วจะรู้สึกเหมือนอยู่ในสรวงสวรรค์แมกไม้เลยที
เดียว
 
10 สถานที่ท่องเที่ยวแสนงดงามที่ต้องไปเยือนสักครั้ง
 
2. ชิงเกว แตร์เร (Cinque Terre)
          ชิงเกว แตร์เร คือ ส่วนประกอบของหมู่บ้านหลากสีทั้ง 5 แห่ง ที่อยู่ติดทะเลบริเวณชายฝั่งแคว้นลิกูเรีย ในประเทศอิตาลี ซึ่งนับว่าเป็นสถานที่ยอดนิยมของบรรดานักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ที่ต้องการมาชื่นชมทัศนียภาพอันงดงามของตึกรามบ้านช่องที่ถูกฉาบไว้ด้วย สีสันสะดุดตามากมาย ตัดกับน้ำทะเลสีฟ้าใสที่อยู่ด้านหลัง เรียกได้ว่าสถานที่ ๆ มีความงดงามมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลกก็ว่าได้
 
10 สถานที่ท่องเที่ยวแสนงดงามที่ต้องไปเยือนสักครั้ง

 3. โรงแรมเมจิค เมาน์เท่น (Magic Mountain hotel)
          เมื่อดูภายนอกของโรงแรมแห่งนี้ อาจดูเหมือนเป็นสถานที่ใช้สำหรับถ่ายหนัง เพราะโรงแรมเมจิค เมาน์เท่น มีรูปทรงคล้ายกับภูเขาสูงที่ตั้งตระหง่านอยู่ในป่าเขียวชะอุ่ม ซึ่งมีน้ำตกพวยพุ่งไหลงลงมาจากด้านบนภูเขาอีกด้วย จนแทบไม่น่าเชื่อว่ามันคือที่พักสำหรับคน โดยโรงแรมภูเขาสุดหรูแห่งนี้ตั้งอยู่ในพื้นที่ส่วนตัวภายในอุทยานฮุยโล ฮุยโล (Huilo Huilo) บริเวณแคว้นลอส ริออส ประเทศชิลี
 
10 สถานที่ท่องเที่ยวแสนงดงามที่ต้องไปเยือนสักครั้ง
 
 4. ครุ๊ก ฟอเรสท์ (Crooked Forest)
          ครุ๊ก ฟอเรสท์ เป็นสถานที่ตามธรรมชาติซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตกของประเทศโปแลนด์  โดยสิ่งที่ทำให้สถานที่แห่งนี้มีความแปลกพิสดารไม่เหมือนใครตรงที่ ต้นสนจำนวนมากประมาณ 400 ต้น ที่อยู่ในผืนที่แห่งนี้ มีลักษณะโค้งงอบริเวณโคนต้นผิดจากต้นไม้ทั่วไป ซึ่งประวัติของพวกมันทราบแต่เพียงว่ามีคนมาปลูกเอาไว้ในปี 1939 แต่ก็ไม่มีใครทราบทำไมมันถึงมีรูปร่างเช่นนี้ 
 
10 สถานที่ท่องเที่ยวแสนงดงามที่ต้องไปเยือนสักครั้ง

 5. อุโมงค์แห่งความรัก (Tunnel Of Love)
          อุโมงค์ต้นไม้ขนาดยักษ์ที่เต็มไปด้วยใบไม้สีเขียวแห่งนี้ ตั้งอยู่บนรางรถไฟเก่าแห่งหนึ่งในเมืองคลีเวน ประเทศยูเครน ซึ่งสาเหตุที่ได้ชื่อว่าเป็น "อุโมงค์แห่งความรัก" เกิดจากเหล่าบรรดาคู่รักนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ชอบมาเดินเที่ยวเล่นกันภายในอุโมงค์แห่งนี้อยู่เสมอ
10 สถานที่ท่องเที่ยวแสนงดงามที่ต้องไปเยือนสักครั้ง
 
10 สถานที่ท่องเที่ยวแสนงดงามที่ต้องไปเยือนสักครั้ง
 

 6. บ่อน้ำพุร้อน บลู ลากูน (Blue Lagoon Hot Springs)
          บ่อน้ำพุร้อนแห่งนี้ตั้งอยู่ที่ประเทศไอซ์แลนด์ ซึ่งเป็นบ่อน้ำพุที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ โดยบรรยากาศของสถานที่จะสวยงามเป็นพิเศษในช่วงฤดูหนาว ที่แม้อากาศจะหนาวเหน็บขนาดไหน แต่อุณหภูมิของน้ำในบ่อก็ยังคงร้อนอยู่เสมอ เรียกได้ว่าเป็นสถานที่สร้างความอบอุ่นในวันที่หิมะมาเยือนได้อย่างสบาย ๆ
 
10 สถานที่ท่องเที่ยวแสนงดงามที่ต้องไปเยือนสักครั้ง
10 สถานที่ท่องเที่ยวแสนงดงามที่ต้องไปเยือนสักครั้ง
 
 7. ไอซ์ แคนยอน (Ice Canyon)
          หุบเขาน้ำแข็งขนาดยักษ์ เกิดขึ้นจากการละลายตัวของก้อนน้ำแข็งจำนวนมาก โดยมีความลึกถึง 150 ฟุต ในกรีนแลนด์ (Greenland) ซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนหนึ่งของประเทศเดนมาร์ก แม้ดูเผิน ๆ ดินแดนแห่งนี้อาจเป็นเพียงแค่พื้นที่ว่างเปล่า ที่เต็มไปด้วยก้อนน้ำแข็งสีขาวทั่วไป แต่บริเวณช่องว่างในหุบเขาที่มองลงไปเห็นธารน้ำสีฟ้าใส ก็ทำให้ผู้คนจำนวนมากหลงเสน่ห์หุบเขาน้ำแข็งอันยิ่งใหญ่แห่งนี้อย่างง่ายดาย
 
10 สถานที่ท่องเที่ยวแสนงดงามที่ต้องไปเยือนสักครั้ง

 8. บอล พีระมิด (Ball Pyramid)
          บอล พีระมิด คือ ภูเขาหินริมทะเลสูงที่สุดในโลกในปัจจุบัน โดยมีความสูงอยู่ที่ 562 เมตร ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะลอร์ด ฮาว ในมหาสมุทรแปซิฟิค ซึ่งความจริงภูเขาหินแห่งนี้ เป็นส่วนที่เหลืออยู่ของภูเขาไฟรูปโล่ เมื่อประมาณ 7 ล้านปีที่แล้ว 
 
10 สถานที่ท่องเที่ยวแสนงดงามที่ต้องไปเยือนสักครั้ง

 9. เกรท แบร์ริเออร์ รีฟ (The Great Barrier Reef)
          เกรท แบร์ริเออร์ รีฟ เป็นแนวปะการังนอกชายฝั่งที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ตั้งอยู่ในทะเลคอรัล บริเวณนอกชายฝั่งของรัฐควีนส์แลนด์ ประเทศออสเตรเลีย โดยสถานที่แห่งนี้ยังได้รับความนิยมมากมายจากนักดำน้ำและนักท่องเที่ยวทั่ว โลก ที่ต่างพากันยกนิ้วให้กับความสวยสดงดงามของแนวปะการังแห่งนี้
 
10 สถานที่ท่องเที่ยวแสนงดงามที่ต้องไปเยือนสักครั้ง
 
10 สถานที่ท่องเที่ยวแสนงดงามที่ต้องไปเยือนสักครั้ง

 10. อุทยานแห่งชาติทะเลสาบพลิทวิเซ่ (Plitvice Lakes National Park)
          อุทยานแห่งชาติทะเลสาบพลิทวิเซ่ ได้ชื่อว่าเป็นทะเลสาบที่มีความงดงามมากที่สุดแห่งหนึ่งในโลก ซึ่งเป็นอุทยานเก่าแก่ที่ตั้งอยู่ในประเทศโครเอเชีย โดยภายในอุทยานยังแวดล้อมไปด้วยป่าเขาที่อุดมสมบูรณ์ และมีธารน้ำตกมากมายหลายชั้น ที่สามารถสะกดนักท่องเที่ยวให้ตราตรึงกับบรรยากาศได้อย่างอยู่หมัด

www.juwai.com

แหล่งท่องเที่ยวยุโรป


ไชน่าทาวน์(โซโฮ)

          ไชน่าทาวน์ (โซโฮ) London China Town (SOHO) ไชน่าทาวน์ ณ มหานครลอนดอน ประเทศอังกฤษ หรือที่หลายคนเรียกว่า “โซโห” (Soho) ตามชื่อของย่านที่เป็นถิ่นที่ตั้งของชุมชนคนจีนแห่งนี้นั้น แต่เดิมไม่ได้อยู่ในย่านโซโหเหมือนเช่นทุกวันนี้ แต่อยู่ในเขตไลม์เฮ้าส์ (Limehouse) โดยช่วงศตวรรษที่ 20 คนจีนในลอนดอนยังมีน้อยอยู่ จึงรวมตัวกันอยู่เป็นกลุ่มย่อยๆ โดยส่วนหนึ่งก็เริ่มทำธุรกิจเล็กๆ เปิดร้านรวงเพื่อขายของให้กับชาวประมงจีนด้วยกันที่ล่องแม่น้ำเข้ามาค้าขาย ณ แดนผู้ดี สมัยนั้นไชน่าทาวน์ไม่ได้เป็นที่รู้จักในทางบวกมากนัก เมื่อคนอังกฤษพูดถึงชุมชนคนจีนต่างพากันนึกถึง ฝิ่น บ่อน และชุมชนแออัด ไม่เหมือนสมัยนี้ ที่ไชน่าทาวน์ในการรับรู้ของคนทั่วไป หมายถึงร้านอาหารจีน เป็ดย่าง บะหมี่ ซูเปอร์มาร์เก็ต และร้านขายของสวยๆงามๆ สภาพเสื่อมโทรมของไชน่าทาวน์ย่านไลม์เฮ้าส์ ดำรงอยู่ชั่วระยะเวลาหนึ่ง ก่อนที่จะถูกทำลายจากระเบิดในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่คนจีนส่วนหนึ่งก็ยังอดทนอยู่ต่อไปเนื่องจากไม่รู้จะไปหาที่นอนที่ไหน
อย่างไรก็ตาม หลังสิ้นสุดสงคราม ซึ่งอังกฤษเป็นผู้ชนะในฐานะแนวร่วมฝ่ายสัมพันธมิตรคนจีนเริ่มไหลทะลักเข้ามาในลอนดอนมากขึ้น โดยเฉพาะคนจีนจากฮ่องกง ซึ่งไหลบ่าเข้ามากันเป็นจำนวนมาก จากวันนั้นจนถึงวันนี้ไชน่าทาวน์ลอนดอน ได้กลายเป็นถิ่นที่อยู่ของคนจีนกวางตุ้งไปโดยปริยาย (คนจีนในฮ่องกงเป็นจีนกวางตุ้งเกือบทั้งนั้น)จากไชน่าทาวน์เดิมในย่านไลม์เฮ้าส์ ด้วยปริมาณคนจีนในลอนดอนที่มากขึ้น จึงเริ่มขยายวงเกิดเป็นชุมชนและร้านอาหารจีนกระจายตัวออกไปในที่ต่างๆ ก่อนที่ในทศวรรษ 1970 จะพากันย้ายถิ่นฐานมาสร้างเป็นไชน่าทาวน์ใหม่ ณ ย่านแชฟท์บิวรี่ (Shaftesbury Avenue) ในปัจจุบัน โดยตั้งชุมชนเรียงรายอยู่สองฟากฝั่งของถนนเจอร์ราร์ด (Gerrard Street) ทำให้พื้นที่โซโห ซึ่งเป็นบริเวณที่คนไม่ได้พลุกพล่านมากนักในวันเก่าก่อน กลายเป็นศูนย์กลางของกรุงลอนดอน และเป็นชุมชนของคนเอเชียผิวเหลือง ที่โด่งดังเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกจนถึงทุกวันนี้ ในปี 2005 ที่ผ่านมา โรสวีล บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ได้เสนอแผนที่จะเข้ารื้อปรับโครงสร้างของไชน่าทาวน์ฝั่งตะวันออก แต่แผนการนี้ถูกต่อต้านจากบรรดาคนจีนและเจ้าของร้านค้าปลีกจำนวนมาก เนื่องจากกลัวว่าร้านรวงต่างๆ จะถูกไล่ที่รื้อทิ้งพร้อมกับเสน่ห์และเอกลักษณ์ดั้งเดิมของไชน่าทาวน์ที่จะต้องหายไปนั่นเอง
ยังไงก็ตามไชน่าทาวน์(ลอนดอน) เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่ คนไทยในลอนดอนชอบไปเป็นอย่างยิ่ง เพราะว่า อาหารจีนเป็นอาหารที่คนไทยชื่นชอบเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งมากกว่า อาหารฝรั่ง เบอร์เกอร์ แซนวิชเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้ง ยังมี ซุปเปอร์มาเก็ตของคนจีน ที่นำเข้า ของชำ ทั้ง ผัก ผลไม้ ม่าม่า และ ซอสปรุงอาหาร แม้กระทั่ง ปลาร้า ก็มี ที่นำเข้ามาจากเมืองไทยทุกวันสดมาก เป็นที่ ๆ นักเรียนไทยในลอนดอนรู้จักกันดี


ไชน่าทาวน์(โซโฮ) London China Town (SOHO) ประเทศอังกฤษ(england)  ไชน่าทาวน์(โซโฮ) London China Town (SOHO) ประเทศอังกฤษ(england)



ไชน่าทาวน์(โซโฮ) London China Town (SOHO) ประเทศอังกฤษ(england)  ไชน่าทาวน์(โซโฮ) London China Town (SOHO) ประเทศอังกฤษ(england)



ไชน่าทาวน์(โซโฮ) London China Town (SOHO) ประเทศอังกฤษ(england)  ไชน่าทาวน์(โซโฮ) London China Town (SOHO) ประเทศอังกฤษ(england)
credit : .abroad-tour






สะพานทาวเวอร์บริดจ์ ( Tower Bridge)



สะพานทาวเวอร์บริจ
สะพานทาวเวอร์บริดจ์?ตั้งอยู่ข้างหอคอยลอนดอนสร้างขึ้นระหว่างปี ค . ศ. 1886 – 1894 ใช้เวลาสร้าง 8 ปี เพื่อการสัญจรข้ามแม่น้ำเทมส์ ออกแบบสไตล์วิกตอเรียนโกธิก เป็นสะพานแบบเปิดปิดได้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีชื่อเสียงมากที่สุดของประเทศอังกฤษโดยนักท่องเที่ยวสามารถเดินขึ้นไปชม ความงามของเมืองลอนดอนได้ที่ระดับ 140 ฟุต มีถนน 18 สายที่ข้ามสะพานนี้
สร้าง ขึ้นเหนือแม่น้ำเทมส์ โดยสะพานแห่งนี้ ไม่เพียงแต่เป็นจุดชมวิว ที่มีความสูงถึง 140 ฟุต เท่านั้น แต่ภายในของฐานสะพานที่ถูกสร้างขึ้นให้มีลักษณะเป็นหอสูง ยังเป็นที่ที่จัดนิทรรศการ เกี่ยวกับประเทศอังกฤษ จนถึงมีจัดแสดงห้องอบไอน้ำสมัยวิกตอเรียนด้วย

การเปิดสะพานในแต่ละครั้งจะส่งผลทำให้คนที่ต้องการเดินข้ามสะพานในขณะที่ สะพานชักขึ้นต้องเดินขึ้นบันไดเพื่อไปยังหอคอยด้านบน โดยมีบันไดถึง 300 ขั้นเพื่อไปข้างบน โดยปัจจุบันมีทัวร์เดินชมสะพานนี้โดยใช้เวลาในการเดินชมประมาณ 90 นาที รวมถึงเวลาในการชมวิวทิวทัศน์บนทางเท้าที่สูงถึง 40 เมตร โดยทางเข้าเพื่อขึ้นบันไดจะอยู่ทางใต้ของท่าเรือทางเหนือ
สะพานทาวเวอร์บริจ 2
วิธีการทำงาน – แล้วและตอนนี้
เมื่อมันถูกสร้างขึ้น, Tower Bridge เป็นสะพาน bascule ที่ใหญ่ที่สุดและซับซ้อนที่สุดเท่าที่เคยเสร็จ (“bascule” มาจากภาษาฝรั่งเศสสำหรับ “เห็นเลื่อย-”)?bascules เหล่านี้ได้ถูกดำเนินการโดยไฮโดรลิค, ไอน้ำโดยใช้พลังงานเครื่องยนต์สูบน้ำขนาดมหึมา?พลังงานที่สร้างขึ้นถูกเก็บไว้ในหม้อสะสมหกใหญ่ทันทีที่มีอำนาจถูกต้องที่จะยกสะพานมันก็พร้อมเสมอ?สะสมอาหารเครื่องยนต์ขับรถซึ่งขับรถ bascules ขึ้นและลง?แม้จะมีความซับซ้อนของระบบ, bascules เพียงใช้เวลาประมาณนาทีที่จะเพิ่มมุมสูงสุดของ 86 องศา
วันนี้ bascules จะดำเนินการยังคงใช้พลังงานไฮดรอลิ แต่ตั้งแต่ปี 1976 พวกเขาได้รับแรงหนุนจากน้ำมันและไฟฟ้ามากกว่าอบไอน้ำ?เครื่องยนต์สูบน้ำเดิมสะสมและหม้อไอน้ำอยู่ในขณะนี้การจัดแสดงนิทรรศการภายใน Tower Bridge

สะพานทาวเวอร์บริจ 3
ไปที่สะพานทาวเวอร์นิทรรศการจะได้สัมผัสกับทัศนียภาพอันงดงามน่าทึ่งจากทางเดิน?ดูต้นฉบับเครื่องยนต์ไอน้ำแบบวิคตอเรียนที่ใช้ในการยกระดับสะพานและได้สนุกกับการจัดแสดงนิทรรศการแบบโต้ตอบที่จะเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับสะพานที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในโลก!
                                                                         
                                               หอไอเฟล
หอไอเฟล เป็นสถาปัตยกรรมอีกชิ้นหนึ่งที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นสถาปัตยกรรมที่มีความแปลกใหม่และทันสมัย  มีความงดงามและเป็นศิลปกรรมที่เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์
หอไอเฟลเป็นสัญลักษณ์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อรำลึกถึงการปฏิวัติประชาชนที่มีอายุครบรอบ 100 ปี ใช้งบประมาณในการก่อสร้างถึง 71 ล้านฟรังค์ ผู้ที่ออกแบบหอไอเฟลคือ นาย กุสตาพ เอฟเฟล
หอไอเฟลแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นจากโครงเหล็กขนานใหญ่มีความสูงถึง 300 เมตร ใช้เวลาก่อสร้างนาน 2 ปี  สร้างขึ้นในปี พ.ศ.2432 จัดเป็นหอที่มีการออกแบบการก่อสร้างที่มีความผิดแผกแตกต่างจากการก่อสร้างในอดีตเป็นอย่างมาก ชั้นบนของหอไอเฟลจะมีอาคาร 3 ชั้น  ไว้คอยบริการอาหารและของที่ระลึกให้แก่นักท่องเที่ยว ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถชมทัศนียภาพที่งดงามจากกรุงปารีสได้จากชั้นบนสุดของอาคารที่เปิดโล่งเอาไว้
ปัจจุบัน หอไอเฟล เป็นสัญลักษณ์หนึ่งที่ทำให้ทุกคนนึกถึงประเทศฝรั่งเศสเพราะสิ่งก่อสร้างที่มีอยู่นั้น  เป็นสิ่งก่อสร้างที่มีความแปลกใหม่และไม่มีใครเหมือน แม้ว่าในปัจจุบันจะมีสิ่งก่อสร้างใหม่ ๆ เกิดขึ้นมากมาย  แต่ก็ดูเหมือนว่าไม่มีอะไรที่สามารถจะเข้ามาทดแทน หอไอเฟล ได้เลย



พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ (The Louvre Museum)

     โลงศพหินโบราณ สฟิงคซ์ และร่องรอยอารยธรรมโบราณมากมาย อยู่เคียงคู่กับงานศิลปะชื่อก้องโลก อย่างภาพวาดโมนาลิซา รูปปั้น The Victory of Samothrace และ รูปปั้นเทพวีนัส (Venus de Milo) ถึงแม้ว่าชิ้นงานจัดแสดงถาวรจะเป็นงานศิลปะจากอารยธรรมโบราณตั้งแต่อดีตจนถึงกลางยุคศตวรรษที่ 19 พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ก็ยังเลือกที่จะเฉลิมฉลองงานศิลปะสร้างสรรค์ร่วมสมัยด้วย

    ใจกลางสถานที่ซึ่งเดิมเคยเป็นพระราชวังของกษัตริย์ฝรั่งเศส คือพีรามิดแก้วอันโด่งดังที่ออกแบบโดย I. M. Pei (ซึ่งเป็นเรื่องที่ขัดแย้งกันมากเมื่อปี 1988) ห่านออกไปไม่ไกล มีงานของศิลปินชาวเยอรมัน Anselm Kiefer ตั้งอยู่ใกล้ๆบันไดทางทิศเหนือ ด้วยว่าพิพิธภัณฑ์ลูฟร์มีที่ให้งานศิลปะร่วมสมัยเสมอ นอกจากนี้ นิทรรศการชั่วคราวต่างๆ การแสดงภาพยนตร์ และคอนเสิร์ต ยังทำให้พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ เป็นสถานที่ที่น่าเยี่ยมชมยิ่งนัก



พิพิธภัณฑ์ลูฟร์.....ชื่อนี้คงไม่ต้องอธิบายอะไรมาก   ด้วยชื่อเสียงที่มีมายาวนานของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้  ศิลปกรรมชิ้นงามทั้งหลายที่มีแสดงอยู่ภายใน  อีกทั้งสถาปัตยกรรมสมัยใหม่พีรามิดแก้วที่โดดเด่นอันเป็นสัญญลักษณ์ของพิพิธภัณฑ์  ก็ได้ดึงดูดผู้คนจากทั่วโลกให้เข้าไปเยี่ยมเยือนปีละหลายล้านคน
การมาพิพิธภัณฑ์ลูฟร์ พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ มีไฮไลท์อยู่ 3-4 อย่างคือ  รูปปั้นวีนัส   รูปวาดโมนาลิซ่า  พีรามิดแก้ว  และเครื่องเพชรต่างๆค่ะ  แต่จริงๆแล้วเค้ามีดีมากกว่านี้
1a.
1.  ลงรูปนี้แล้วกลัวโดนแบนค่ะ  ก็ศิลปกรรมในนั้นเค้าเป็นแบบนี้  ใครๆก็เข้าไปชื่นชมกัน  ของที่เอามาแสดงเป็นของจริงทั้งหมดที่พิพิธภัณฑ์สรรหามาเก็บสะสม  (ถึงจะมีของปลอมก็ดูไม่เป็นค่ะ)
2.  รูปนี้ save ให้คมชัดไม่ได้  ไม่รู้ว่าทำไม  แต่รูปสวยเลยเลือกที่จะเอาลงค่ะ 
3.  รูปปั้นสวยๆทั้งนั้นค่ะ 
4.  จะบอกว่าใครเป็นใครก็ไม่สามารถค่ะ
5. ..........................................
6.  ดูพื้นซิคะ  วางลายได้สวยมากเลย  มองออกไปเป็นอาคารตามถนนด้านนอก  duty free ที่คนไทยนิยมแห่งนึงก็อยู่ใกล้ๆพิพิธภัณฑ์ลูฟร์    ( ถ้าไปก็ไปช่วยกันอุดหนุนที่นี่กันนะคะ  เจ้าหน้าที่คนไทยที่นี่อัธยาศัยดีทุกคนเลยค่ะ)

7.  ....เนียนมากค่ะ
8.  ที่นอนและหมอนสวยมาก  ทำได้ดูนิ่มนวลมาก
9.  .........................
10.  รูปที่ถ่ายมานี้คงได้มาจากผนังโบสถ์วิหารแห่งใดแห่งนึง  ที่จริงเค้ามีเขียนบอกนะคะ  แต่อ่านไม่ไหวค่ะ  มันเยอะมาก
11.  สวยค่ะ
12.
13.  ศีรษะหายไปยังสวยเลย
14.
15.  พวกคนลืมตัว....
16.  บรรยากาศภายในพิพิธภัณฑ์
17.  ถ่ายรูปไว้ก่อน  กลัวเข้าไม่ถึง
18.  เข้ามาจนได้  เก่งมากเลย
19.  ไปวิงตรงข้าม  เห็นรูปปั้นเมื่อสักครู่อยู่ด้านหลังลิบๆ
20.  รูปนี้ถ่ายจากชั้นบนของอีกวิงนึง
21.  บรรยากาศภายใน
22.....
23.  ตรงนี้ชอบมากค่ะ  เป็นโมเดลจำลองของ temple of zeus, olympia ประเทศกรีซค่ะ  ถ้าดูหนังการ์ตูนเรื่อง เฮอร์คิวลิส  จะมีวิหารนี้และเทพซีอุสค่ะ  ปัจจุบันวิหารเหลือแต่ซาก
24. มีรูปซากของวิหารที่ประเทศกรีซมาให้ดูค่ะ  (thanks to www.holylandphotos.org)
25.  รูปซากของวิหารอีกรูปนึงค่ะ (thanks to www.idak.gop.edu.tr)
26.  รูปวาดเทพซีอุสค่ะ (thanks to www.idak.gop.edu.tr)
27.  เศษชิ้นส่วนได้มาทีละชิ้นเล็กชิ้นน้อย  เอามาประกอบกันให้เป็นรูปร่าง
28.  นี่ก็เช่นกัน
29.  ที่เป็นสีขาวในรูป  แสดงให้ดูว่าเป็นเศษชิ้นส่วนที่ได้มา  สามารถประกอบกันได้ประมาณนี้  ต่อเมื่อได้มาอีกก็จะมีการงอกเงยขึ้นมาค่ะ
30.  ในรูปนี้บอกว่าเป็นรูปปั้นใครจากที่ไหน  และชิ้นไหนมาบ้างค่ะ
31.  มุมเก็บและประกอบของที่ทยอยได้มาจากทั่วโลก
32.  .....
33.
34.   น่าจะเป็นรูป  อดัมกับอีฟค่ะ
35.
36.
37.
38.  เบื้องหลังความงาม
39.  เผยโฉมเบื้องหน้า
40.  วีนัสมาแล้ว  คนเยอะมาก  รอเพื่อที่จะให้คนซาก็ไม่มีทีท่าที่จะซาลงเลย  ใครๆก็อยากมาชมแต่วีนัสกันทั้งนั้น  แต่ละคนตัวโตมาก  เด็กเข้าไม่ถึงเลยค่ะ  ต้องดูอยู่รอบนอก  ไม่เช่นนั้นมองไม่ชัดค่ะ
41.  หลีกมาด้านข้างก็พอเข้าถึงไปถ่ายรูปได้บ้าง
42.  ที่ถ่ายรูปมาได้นี่ไม่ใช่ไม่มีคนนะคะ  ใช้เทคนิคพิเศษค่ะ  ดูเหมือนว่างคนเลย
43.  ถ่ายได้เต็มตัวแล้ว  รู้สึกว่าตัวเองเก่งมากเลยค่ะ
44.  รูปนี้ดีที่สุดที่ถ่ายมาได้  สวยสมคำร่ำลือหรือเปล่า  ให้คะแนนกันเอาเองนะคะ